หากเครื่องจักรที่นำเข้าภายใต้ BOI 

1. เครื่องถูกใช้ผลิตทั้ง BOI และ Non-BOI ต้องแบ่งค่าเสื่อมราคาหรือไม่ 

• หากเครื่องจักรที่ได้รับ BOI ถูกใช้ในการผลิตทั้งผลิตภัณฑ์ BOI และ Non-BOI จำเป็นต้องมีการปันส่วนค่าเสื่อมราคาตามจำนวนวันทำงานจริงหรือไม่ 
• เครื่องจักรที่นำเข้าโดยใช้สิทธิ BOI ซึ่งผลิตทั้งสินค้า BOI และ Non-BOI จำเป็นต้อง แยกส่วนค่าเสื่อมราคาของส่วนที่ใช้ในการผลิตสินค้า Non-BOI หรือไม่? 

2. ในกรณีที่วัตถุดิบถูกใช้ร่วมกันในกระบวนการผลิต และไม่สามารถแยกแยะได้ในขณะผลิตว่าเป็นคำสั่งซื้อ BOI หรือ Non-BOI สามารถใช้วิธีการคำนวณย้อนหลัง (Back Calculation) เพื่อคำนวณต้นทุนส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Non-BOI และ ชำระภาษีย้อนหลัง ได้หรือไม่ 

3. รายการวัตถุดิบ (BOM) และเส้นทางการผลิต (Process Flow) ที่ยื่นต่อ BOI สามารถมีความคลาดเคลื่อน ในการปฏิบัติงานจริงได้หรือไม่ 

4. สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นสินค้ามาตรฐาน (Non-standard Products) สามารถใช้ BOM ที่เป็น "มาตรฐานและฉบับย่อ" (Standardized, Simplified BOM) ในการยื่นขอแทน BOM ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในการผลิตจริงได้หรือไม่ 

5. หากปริมาณวัตถุดิบที่ใช้จริงเกินกว่าจำนวนที่ยื่นใน BOM นอกจากจะแสดงในรายงานว่าเป็น "ของเสีย/เศษซาก (Scrap)" แล้ว จะถูกพิจารณาว่าเป็นการละเมิดข้อกำหนด (Violation) โดยตรงหรือไม่ 

6. การจัดทำงบกำไรขาดทุน BOI โดยใช้วิธีการปันส่วนค่าใช้จ่ายทางอ้อม (Indirect Expenses) เช่น ค่าใช้จ่ายในการขาย,บริหาร, และวิจัยและพัฒนา ตามสัดส่วนรายได้ ระหว่าง BOI และ Non-BOI จะได้รับการยอมรับจาก BOI และกรมสรรพากร หรือไม่ 

ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลครับ

บ. Ne……

ตอบคำถามดังนี้ครับ

1. เครื่องถูกใช้ผลิตทั้ง BOI และ Non-BOI ต้องแบ่งค่าเสื่อมราคาหรือไม่

ตอบ) เครื่องจักรที่นำเข้าโดยใช้สิทธิ BOI มีเงื่อนไขต้องใช้ในโครงการที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น

จึงไม่สามารถผลิตสินค้าที่ไม่ได้รับส่งเสริม

หากจำเป็นต้องใช้ผลิตสินค้าที่ไม่ได้รับส่งเสริม ให้ยื่นขอชำระภาษีเครื่องจักร ก่อนจะนำไปใช้ผลิตสินค้าที่ไม่ได้รับส่งเสริม

และหากชำระภาษีแล้ว การปันส่วนค่าเสื่อมราคา ควรเป็นไปตามมาตรฐานทางบัญชี มีหลักแห่งความสมเหตุสมผลและสม่ำเสมอ ตามเอกสารนโยบายปันส่วนต้นทุนของบริษัท (ถ้ามี)

2. หากไม่สามารถแยกแยะได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ส่วนใดเป็นวัตถุดิบ BOI หรือ Non-BOI สามารถใช้วิธีการคำนวณย้อนหลัง เพื่อคำนวณต้นทุนส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Non-BOI และชำระภาษีย้อนหลัง ได้หรือไม่

ตอบ) BOI ไม่ได้เป็นผู้กำหนดเงื่อนไขนี้ แต่โดยหลักการ วัตถุดิบ BOI และ non-BOI ต้องมีการแยกการจัดการออกจากกันโดยตรง ไม่สามารถสับเปลี่ยนหรือทดแทนกันได้ จึงควรแยกจัดการวัตถุดิบ BOI และ non-BOI เสมือนเป็นวัตถุดิบคนละชนิดกัน

3. รายการวัตถุดิบ (BOM) และเส้นทางการผลิต (Process Flow) ที่ยื่นต่อ BOI สามารถมีความคลาดเคลื่อน ในการปฏิบัติงานจริงได้หรือไม่ 

ตอบ) สูตรการผลิตที่ยื่นต่อ BOI และ BOM ของบริษัท ล้วนแสดงถึงปริมาณวัตถุดิบที่มีการใช้จริงในการผลิตในการผลิตสินค้ารุ่นนั้นๆ

โดยหลักการจึงจะเป็นตัวเลขเดียวกัน

ไม่ใช่ว่าจะยอมให้สูตรการผลิตของ BOI แตกต่างกับ BOM ของบริษัทได้กี่ %

ส่วนกรรมวิธีการผลิต

ตามเงื่อนไขคือ ต้องผลิตตามกรรมวิธีผลิตที่ยื่นขอรับส่งเสริมและได้รับอนุมัติ ตามที่ปรากฎในหนังสือแจ้งมติให้การส่งเสริม

หากจะผลิตไม่ตรงตามนั้น ให้ยื่นขอแก้ไขกรรมวิธีผลิต

4. ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นสินค้ามาตรฐาน (Non-standard Products) สามารถใช้ BOM ที่เป็น "มาตรฐานและฉบับย่อ" (Standardized, Simplified BOM) ในการยื่นขอแทน BOM ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในการผลิตจริงได้หรือไม่

ตอบ) นิยามของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นสินค้ามาตรฐาน คืออะไร เป็นสินค้า Trial หรือสินค้าช่วงรอการ approve BOM หรืออย่างไร

บริษัทอาจรอให้โรงงาน approve BOM ก่อน จึงยื่นขออนุมัติสูตรการผลิตก็ได้

ส่วนที่แจ้งว่า BOM เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลานั้น

บางอุตสาหกรรมก็อาจเป็นไปได้ ซึ่ง BOI ก็อนุญาตให้มีการแก้ไขสูตรการผลิตได้เช่นกัน

5. หากปริมาณวัตถุดิบที่ใช้จริงเกินกว่าจำนวนที่ยื่นใน BOM นอกจากจะแสดงในรายงานว่าเป็น "ของเสีย/เศษซาก (Scrap)" จะถูกพิจารณาว่าเป็นการละเมิดข้อกำหนด (Violation) โดยตรงหรือไม่

ตอบ) ไม่เข้าใจคำถาม

แต่ถ้าหมายความว่า สามารถยื่นสูตรการผลิต โดยแสดงปริมาณสุทธิเกินปริมาณที่ใช้จริงได้หรือไม่

คำตอบก็คือ ไม่ได้

6. การจัดทำงบกำไรขาดทุน BOI โดยใช้วิธีการปันส่วนค่าใช้จ่ายทางอ้อม (Indirect Expenses) เช่น ค่าใช้จ่ายในการขาย,บริหาร, และวิจัยและพัฒนา ตามสัดส่วนรายได้ ระหว่าง BOI และ Non-BOI จะได้รับการยอมรับจาก BOI และกรมสรรพากร หรือไม่ 

ตอบ) ไม่ใช่ข้อกำหนดของ BOI โดยตรง

ขอตอบตามความเห็นส่วนตัวคือ สามารถปันส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมาตรฐานทางบัญชี โดยมีหลักแห่งความสมเหตุสมผลและสม่ำเสมอ หรือตามเอกสารนโยบายปันส่วนต้นทุนของบริษัท (ถ้ามี)

โดยควรปรึกษากับผู้ทำบัญชี ผู้สอบบัญชี หรือกรมสรรพากร โดยตรง ครับ