ผู้ได้รับส่งเสริมที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เป็นต้นมา จะได้รับการส่งเสริมโดยมีเงื่อนไขให้ต้องยื่นรายงานผลการดำเนินงานการใช้สิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ก่อนการใช้สิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ในกรณีที่ผู้ได้รับส่งเสริมซึ่งมีเงื่อนไขกำหนดในบัตรส่งเสริมให้ยื่นแบบขอใช้สิทธิฯ ประสงค์จะใช้สิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. แยกลงบัญชีรายรับ-รายจ่ายของแต่ละโครงการ
1.1 ผู้ได้รับส่งเสริมจะต้องแยกลงบัญชีรายรับ-รายจ่ายของกิจการทั้งที่ได้รับส่งเสริมและไม่ได้รับส่งเสริมแยกจากกันเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
1.2 กรณีที่มีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าใช้จ่ายร่วมกันในหลายโครงการ เช่น ค่าเสื่อมราคาอาคารโรงงาน ฯลฯ ให้ลงบัญชีตามต้นทุนเฉลี่ยตามสัดส่วนรายได้ของแต่ละโครงการ หรือตามวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนด
2. ยื่นแบบขอใช้สิทธิและรายงานผลการดำเนินงานให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตให้การรับรอง
2.1 ผู้ได้รับส่งเสริมที่ประสงค์จะใช้สิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องยื่นแบบคำขอใช้สิทธิฯ และแบบรายงานผลการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตภายใน 120 วันนับจากวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีของปีทีขอใช้สิทธิ
2.2 สามารถเลือกผู้สอบบัญชีที่ตรวจสอบงบการเงินของผู้ได้รับส่งเสริมอยู่เดิม หรือจะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตรายอื่นก็ได้
2.3 ผู้ได้รับส่งเสริมที่ไม่ประสงค์จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือกรณีที่มีผลประกอบการขาดทุน ไม่ต้องยื่นแบบขอใช้สิทธิฯ ในรอบปีนั้นๆ
2.4 เอกสารประกอบการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต มีดังนี้
(1) รายการเครื่องจักรและอุปกรณ์
(2) ปริมาณการผลิต
(3) ปริมาณการขายและมูลค่าการขาย
2.5 ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จะต้องเป็นผู้สอบบัญชีได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีและใบอนุญาตไม่ขาดอายุ ไม่ถูกสั่งพัก และไม่เคยถูกเพิกถอนโดยคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชี (ก.บ.ช) หรือเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตตรวจสอบและรับรองบัญชีโดยกรมสรรพากร หรือเคยถูกเพิกถอนการให้ความเห็นชอบโดยสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานอื่นของทางราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ
2.6 ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะต้องตรวจสอบตามแนวทางที่ BOI กำหนด เพื่อให้ทราบว่าโครงการที่ได้รับส่งเสริมนั้นมีการลงทุนในเครื่องจักรและมีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นจริงในรอบปีบัญชีที่ประสงค์จะใช้สิทธินั้น โดยมีแนวทางการตรวจสอบ ดังนี้
(1) การลงทุนในเครื่องจักร
(2) ปริมาณการผลิต
(3) ปริมาณการจำหน่ายและมูลค่าการจำหน่าย
3. ยื่นแบบขอใช้สิทธิและรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีให้ BOI ให้ความเห็นชอบ
3.1 BOI จะตรวจสอบแบบขอใช้สิทธิฯ และแบบรายงานผลการดำเนินงาน จากนั้นจะมีหนังสือแจ้งยืนยันการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ผู้ได้รับส่งเสริมและกรมสรรพากรทราบ เพื่อให้บริษัทใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปีต่อกรมสรรพากร ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
3.2 ในกรณีที่ได้รับการส่งเสริมมากกว่า 1 บัตร ให้ยื่นแบบคำขอใช้สิทธิฯ รวมเป็นฉบับเดียว
3.3 กรณีที่บริษัทไม่ได้ยื่นแบบขอใช้สิทธิฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนด สามารถยื่นแบบขอใช้สิทธิฯ ในภายหลังได้ แต่สำนักงานอาจพิจารณาและมีหนังสือแจ้งยืนยันการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไม่ทันภายในกำหนด 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
4. ยื่นแบบขอใช้สิทธิที่ BOI
ให้ความเห็นชอบต่อกรมสรรพากรเพื่อประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบปีบัญชีนั้นๆ
คำถามน่ารู้
Q1 : จะต้องยื่นแบบขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ทุกปีหรือไม่?
A1 :ไม่ต้อง
ให้ยื่นเฉพาะปีที่มีกำไรสุทธิ และต้องการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่านั้น
Q2 : กรณีที่มีบัตรส่งเสริมหลายฉบับ ซึ่งเป็นคนละกิจการกัน จะต้องยื่นแบบขอใช้สิทธิฯ อย่างไร?
A2 : ให้รวมยื่นแบบใช้สิทธิเพียงฉบับเดียว โดยในการยื่นกับสำนักบริหารสิทธิประโยชน์นั้น ให้พิจารณาจาก บัตรส่งเสริมฉบับแรกสุดที่มีเงื่อนไขให้ต้องยื่นแบบใช้สิทธิฯ ว่า เป็นโครงการในความรับผิดชอบของสำนักใด
เช่น ในกรณีที่บริษัทได้รับส่งเสริม 3 โครงการ คือ
ในกรณีนี้ บริษัทต้องยื่นแบบขอใช้สิทธิฯ 1 ฉบับ โดยมีข้อมูลของโครงการที่ 2 และ 3 และยื่นต่อ สบท.3 ซึ่งเป็นกองที่รับผิดชอบบัตรส่งเสริมฉบับแรกที่มีเงื่อนไขกำหนดให้ยื่นแบบใช้สิทธิฯ
Q3 : บริษัทจะเริ่มใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ได้ตั้งแต่เมื่อไร?
A3 : ตั้งแต่วันที่เริ่มมีรายได้ของโครงการที่ได้รับส่งเสริม แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ก่อนวันที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม
Q4 : ในกรณีที่บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เต็มปี (เช่น ในปีแรกหรือปีสุดท้ายที่ได้รับสิทธิฯ) จะใช้สิทธิการยกเว้นภาษีอย่างไร?
A4 : จะต้องใช้ค่าเฉลี่ยของปริมาณการผลิตเปรียบเทียบจากกำลังผลิตสูงสุดของทั้งปี เช่น
หากบริษัทเริ่มมีรายได้ตามโครงการที่ได้รับส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2556 ก็จะใช้สิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบปีบัญชีนี้ได้ไม่เกินกำลังผลิตระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2556 - 31 ธันวาคม 2556 (รวม 73 วัน) คือ
1,000,000 x 73/365 = 200,000 ชิ้น
Q5 : ในกรณีที่บริษัทได้รับอนุมัติให้เพิ่มกำลังผลิตในระหว่างรอบปีบัญชี จะใช้สิทธิการยกเว้นภาษีอย่างไร?
A5 : จะต้องใช้ค่าเฉลี่ยของปริมาณการผลิตเปรียบเทียบจากกำลังผลิตสูงสุดก่อนและหลังแก้ไขบัตรส่งเสริม เช่น
ในกรณีนี้ บริษัทจะใช้สิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบปีบัญชี 2556 นี้ได้ ดังนี้
pageview 82,098
Total Pageviews 5,062,410 since January 2014