ที่มา : วารสารส่งเสริมการลงทุน เดือนสิงหาคม 2555
โดย : คุณสถาปนา พรหมบุญ
นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน ระดับชำนาญการ
สำนักบริหารการลงทุน 1
1. การเปิดดำเนินการจะต้องแนบสำเนา INVOICE / BILL OF LADING / AIRWAY BILL ที่ยืนยันวันเริ่มมีรายได้ตามโครงการ อยากทราบว่า INVOICE / BILL OF LADING / AIRWAY BILL หมายถึงอะไร
ตอบ : INVOICE หมายถึง ใบกำกับราคาสินค้า หรือใบแจ้งรายการสินค้าที่ขายให้ ที่ผู้ขายออกให้กับผู้ซื้อ เป็นเอกสารที่แสดงจำนวนและราคาของสินค้าไว้เพื่อเรียกเก็บเงิน เมื่อผลิตสินค้าหรือส่งสินค้าแล้ว
BILL OF LADING หมายถึง ใบตราส่งสินค้า เป็นเอกสารซึ่งผู้ขนส่ง (CARRIER) ออกให้แก่ผู้ส่งสินค้า (CONSIGNOR) เพื่อเป็นหลักฐานการรับขนของ (CARRIAGE OF GOODS) ให้ตามข้อตกลง
AIRWAY BILL หมายถึง ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ เป็นเอกสารที่ผู้รับจ้างส่งสินค้าออกให้ในฐานะผู้ส่งสินค้าต้องนำ AIRWAY BILL มาเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารส่งออกที่ส่งไป เรียกเก็บเงินหรือ ให้ผู้ซื้อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการรับสินค้าต่อไป
2. หากเลยวันครบกำหนดเปิดดำเนินการไปแล้ว บริษัทยังจะสามารถยื่นขออนุญาตเปิดดำเนินการย้อนหลังได้หรือไม่
ตอบ : หากโครงการดังกล่าวยังไม่ถูกยกเลิกเพิกถอนก็สามารถยื่นได้ โดยปกติแล้ว หากพ้นกำหนดเปิดดำเนินการตามโครงการ แล้วบริษัทไม่มีการติดต่อใดๆ บีโอไอจะมีหนังสือเตือนให้รายงานการปฏิบัติตามเงื่อนไขการเปิดดำเนินการ หากบริษัทยังไม่ดำเนินการ บีโอไอก็จะดำเนินการเพิกถอนโครงการต่อไป
3. การขออนุญาตเปิดดำเนินการนั้น ควรรอให้ครบกำหนดเปิดดำเนินการก่อน จึงขออนุญาตหรือไม่
ตอบ : ควรรอจนครบกำหนดเปิดดำเนินการแล้ว จึงจะขออนุญาตเปิดดำเนินการ เพราะหากบริษัทยื่นขออนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว มีการซื้อเครื่องจักรและทรัพย์สินอื่นๆ มาภายหลัง ก็จะไม่สามารถนำมูลค่าทรัพย์สินเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าเงินลงทุนได้
4. แนวทางการรายงานมูลค่าเงินลงทุนเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล มีอย่างไรบ้าง
ตอบ : แนวทางการรายงานมูลค่าเงินลงทุนเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามรายการเงินลงทุน มีดังนี้
5. หากบริษัทเช่าโรงงาน โดยทำสัญญาเช่าปีต่อปี จะสามารถนำค่าเช่านั้น มารวมเป็นมูลค่าเงินลงทุนเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่
ตอบ : ไม่ได้ กรณีการเช่าอาคารหรือโรงงานนั้น ให้ใช้ค่าเช่าตามสัญญาการเช่า โดยจะต้องมีระยะเวลาการเช่ามากกว่า 3 ปี ซึ่งจดทะเบียนกับสำนักงานที่ดินแล้ว จึงจะนำมารวมเป็นมูลค่าเงินลงทุนได้
6. การก่อสร้างโรงงานเอง กับการว่าจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีวิธีการกรอกข้อมูลต้นทุนได้อย่างไร
ตอบ : กรณีที่ก่อสร้างเอง การคำนวณต้นทุนเริ่มตั้งแต่ค่าเขียนแบบ ค่าธรรมเนียมขออนุญาต ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ค่าทำฐานราก จนกระทั่งโรงงานเสร็จ แต่หากเป็นกรณีว่าจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ต้นทุนคือจำนวนเงินที่กิจการตกลงตามสัญญาก่อสร้าง ทั้งนี้ ให้ใช้ราคาทุนหรือราคาที่ได้มา
7. ค่าเครื่องจักร จะหมายความถึงค่าอะไรบ้าง
ตอบ : ค่าเครื่องจักร หมายถึง เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เป็นไปตามคำจำกัดความว่าด้วย “เครื่องจักร” ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ป.1/2545 และต้องมีอยู่ใช้ในโครงการที่ได้รับการส่งเสริมฯ นั้นจริงในวันเปิดดำเนินการ
8. หากค่าเครื่องจักร ค่าติดตั้ง และค่าทดลองเครื่อง รวมอยู่ในค่าเครื่องจักรเป็นมูลค่าเดียวกัน บริษัทจำเป็นจะต้องแยกออกมา เพื่อกรอกข้อมูลมูลค่าการลงทุนตามแบบขออนุญาตเปิดดำเนินการหรือไม่
ตอบ : ค่าติดตั้งและค่าทดลองเครื่องสามารถรวมอยู่ในมูลค่าเครื่องจักรได้ โดยจะดูจากหลักฐานการชำระเงิน ทั้งนี้ กรณีบันทึกเป็นสินทรัพย์ ต้องแสดงไว้ในงบการเงินที่มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบรับรองการมีอยู่จริงของสินทรัพย์ในรอบบัญชีนั้น ส่วนกรณีบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย หรือไม่ได้บันทึกเป็นสินทรัพย์ ต้องแนบเอกสารหลักฐานการซื้อ-ขายนั้นด้วย
9. ค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการ คือค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ตอบ : ค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการ ให้หมายความถึง ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัทใหม่ ได้แก่ ค่าเดินทาง ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียม และค่าหนังสือบริคณห์สนธิ โดยให้ใช้มูลค่าที่บันทึกบัญชีไว้ และแนบเอกสารหลักฐานมาด้วย
10. มูลค่าทรัพย์สินอื่นๆ ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ตอบ : มูลค่าทรัพย์สินอื่นๆ หมายถึง
11. ในการขอรับการส่งเสริมฯ ในนามบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ การขอรับการส่งเสริมฯ ขยายกิจการ และกรณีขอรับการส่งเสริมฯ โยกย้ายสถานประกอบการ การกรอกมูลค่าการลงทุนจะแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ : กรณีขอรับการส่งเสริมในนามบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นั้น เงินลงทุนจะประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง ค่าเครื่องจักร ค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการ และมูลค่าทรัพย์สินอื่นๆ กรณีขอรับการส่งเสริมขยายกิจการ เงินลงทุนจะประกอบด้วยค่าก่อสร้าง และค่าเครื่องจักร ส่วนกรณีโยกย้ายสถานประกอบการ เงินลงทุนจะประกอบด้วยค่าก่อสร้าง และมูลค่าสินทรัพย์อื่นๆ
12. ค่าปรับปรุงที่ดิน สามารถรวมเป็นมูลค่าการลงทุนในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่
ตอบ : ค่าปรับปรุงที่ดิน ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าที่ดิน ไม่อนุญาตให้รวมเป็นมูลค่าการลงทุนที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้
13. การตรวจสอบสถานประกอบการ บีโอไอจะตรวจสอบในด้านใดบ้าง
ตอบ : เน้นมีการตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุไว้ในบัตรส่งเสริมฯ ดังนี้
วันที่บีโอไอไปตรวจสอบสถานประกอบการนั้น บริษัทจะต้องเตรียมผู้มีหน้าที่และความรู้ในการจัดทำบัญชีของบริษัทไปชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ของบีโอไอด้วย โดยผู้ที่มีหน้าที่ในการจัดทำบัญชีของบริษัท จะต้องนำทะเบียนสินทรัพย์ และหลักฐานประกอบการซื้อและชำระเงิน เช่น ใบส่งของ/ใบกำกับสินค้า ใบขนสินค้าขาเข้า ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น เพื่อมาพิสูจน์รายการเงินลงทุนของโครงการ
ที่มา : วารสารส่งเสริมการลงทุน เดือนมิถุนายน 2555
โดย : คุณสถาปนา พรหมบุญ
นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน ระดับชำนาญการ
สำนักบริหารการลงทุน 1
1. การขออนุญาตเปิดดำเนินการ จะดำเนินการได้เมื่อใด
ตอบ : การขออนุญาตเปิดดำเนินการตามบัตรส่งเสริมการลงทุน จะกระทำเมื่อผู้ได้รับการส่งเสริมฯ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของบัตรส่งเสริมฯ ครบถ้วน ได้แก่ เงื่อนไขในการนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในโครงดารที่ได้รับการส่งเสริมฯ ทุนจดทะเบียน สัดส่วนการถือหุ้น ชนิดผลิตภัณฑ์/บริการและกำลังผลิต กรรมวิธีการผลิต/บริการ ขนาดการลงทุนขั้้นต่ำ ที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการ และเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำหนดให้ตรวจสอบในขั้นเปิดดำเนินการ พร้อมที่จะให้บีโอไอตรวจสอบ และออกใบอนุญาตเปิดดำเนินการ โดยบริษัทอาจดำเนินการผลิต และมีรายได้ไปก่อนหน้านั้นได้ ทั้งนี้ การขออนุญาตเปิดดำเนินการ จะต้องกระทำภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. การขออนุญาตเปิดดำเนินการ ใช้เอกสารใดประกอบบ้าง
ตอบ : การขออนุญาตเปิดดำเนินการ ต้องยื่นเอกสารดังนี้
ทั้งนี้ เอกสารทุกฉบับจะต้องประทับตราบริษัท (ถ้ามี) และลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจ สำหรับกิจการที่เป็นการผิต จะต้องมีเอกสารทุกรายการตามข้างต้น ส่วนกิจการบริการ จะต้องมีเอกสารรายการที่ 1-7 ส่วนรายการที่ 8-9 ตามความเหมาะสม
3. การกรอกข้อมูลรายละเอียดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ติดตั้งใช้ในโครงการ หากมีการซื้อเครื่องจักรเข้ามาก่อนการยื่นคำขอรับการส่งเสริมฯ สามารุกรอกรายการเครื่องจักรนั้นลงในคำขอฯ ได้หรือไม่
ตอบ : เครื่องจักรทั้งหมดของโครงการ จะต้องได้มาไม่ก่อนวันที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมฯ จนถึงวันครบกำหนดเปิดดำเนินการ โดยพิจารณาจากวันที่นำเข้าตามใบขนฯ หรือวันที่ได้มา (วันที่รับมอบสินค้า) หากได้มาก่อนหน้านั้น จะต้องได้รับอนุมัติให้ใช้ในโครงการ
ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องพิจารณาว่าบริษัทเคยได้รับอนุมัติให้ใช้เครื่องจักรที่นำเข้ามาก่อนยื่นคำขอฯ ใช้ในโครงการหรือไม่ หากเคยได้รับอนุมัติ ก็สามารถระบุรายการเครื่องจักรนั้นมาได้
4. การกรอกข้อมูลรายละเอียดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งในโครงการ กรอกเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้สิทธิ์นำเข้าใช่หรือไม่
ตอบ : ไม่ใช่ จะต้องกรอกรายละเอียดเครื่องจักรที่นำเข้า ทั้งที่ใช้สิทธิ์ยกเว้น/ลดหย่อนอากรขาเข้า หรือเครื่องจักรที่นำเข้าโดยชำระอากรขาเข้า แะเครื่องจักรที่ซื้อในประเทศ
5. การกรอกมูลค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ จะต้องใช้ราคาทุน หรือราคาตามบัญชี
ตอบ : ใช้ราคาทุน (ราคาที่ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นมาโดยไม่ต้องหักค่าเสื่อมราคา)
6. บริษัทสามารถระบุรายการเครื่องจักรที่เป็นเครื่องจักรใช้แล้วได้หรือไม่
ตอบ : หากบริษัทได้รับอนุมัติให้ใช้เครื่องจักรใช้แล้วในโครงการ สามารถระบุได้ โดยจะต้องระบุปีที่ผลิตและประเทศที่ได้มา (สามารถใช้เครื่องจักรใช้แล้วได้กรณีที่นำเข้าเท่านั้น) และหากเป็นเครื่องจักรใช้แล้วที่ไม่ได้ใช้สิทธิ์นำเข้า จะต้องมีใบรับรองประสิทธธิเครื่องจักรแนบมาด้วย
7. บริษัทสามารถกรอกรายการเครื่องจักรที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการผลิตได้หรือไม่
ตอบ : ไม่ได้ เครื่องจักรที่ใช้ในโครงการ จะต้องสอดคล้องกับกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับอนุมัติ
8. หากบริษัทซื้อเครื่องจักรเข้ามา แต่ต่อมาได้จำหน่ายเครื่องจักรดังกล่าวออกไป บริษัทจะยังสามารถรวมรายการเครื่องจักรดังกล่าว ไว้ในคำขอเปิดดำเนินการได้หรือไม่
ตอบ : ไม่ได้ เครื่องจักรที่อยู่ในรายการ จะต้องเป็นสินทรัพย์ของบริษัทในวันที่ขออนุญาตเปิดดำเนินการ และจะต้องอยู่ในสานประกอบการครบทุกรายการ (เว้นแต่จะได้รับอนุมัติไว้เป็นอย่างอื่น)
9. หากบริษัทขอรับการส่งเสริมฯ ระบุว่าจะใช้เครื่องจักรใหม่ทั้งสิ้น แต่เมื่อขออนุญาตเปิดดำเนินการ ตรวจพบว่า บริษัทซื้อเครื่องจักรใช้แล้วจากบริษัทอื่นมาดำเนินการผลิตต่อ ในกรณีนี้ บริษัทจะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการหรือไม่
ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากผิดเงื่อนไขการให้การส่งเสริมฯ โดยจะถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ที่ได้ให้ไว้ทั้งหมด
10. หากบริษัทได้รับการส่งเสริมฯ ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋อง และน้ำนึ่งปลาเข้มข้น แต่ได้ลดชนิดผิตภัณฑ์เป็นจะผลิตเฉพาะปลาทูน่ากระป๋องแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อบีโอไอไปตรวจเปิดดำเนินการ บริษัทจะมีความผิดหรือไม่
ตอบ : เป็นเพียงการปฏิบัติไม่เป็นไปตามเงื่่อนไขของบัตรส่งเสริมฯ ที่ไม่จัดเป็นความผิดแต่อย่างใด ในกรณีนี้ บริษัทสามารถขอแก้ไขยกเลิกชนิดผลิตภัณฑ์ที่จะไม่ทำการผลิตได้
11. การกรอกข้อมูลการคำนวณขนาดกิจการ มีวิธีลงรายละเอียดอย่างไร
ตอบ : บริษัทจะต้องระบุว่ามีขั้นตอนการผลิตหลักขั้นตอนใดบ้าง ที่สามารถใช้คำนวณกำลังผลิตได้ เช่น ตัวอย่างการคำนวณกำลังผลิตในกิจการผลิตปลาทูน่ากระป๋อง ดังนี้
ขั้นตอนการผลิตหลัก (Core Process) | รายการเครื่องจักรที่ใช้ | จำนวนเครื่องจักร/ สายการผลิต (A) | กำลังผลิตสูงสุด ต่อหน่วยเวลา (B) | กำลังผลิตสูงสุดต่อปี ที่คำนวณตามเวลาทำงานในบัตรส่งเสริม (C=8 ชั่วโมง/วัน :D=300 วัน/ปี) |
ขั้นตอนการนึ่งปลา | เครื่องนึ่งปลา | 3 เครื่อง | 3.5 ตัน/ชั่วโมง | 25,200 ตัน/ปี |
ขั้นตอนฆ่าเชื้อ | เครื่องฆ่าเชื้อ | 2 เครื่อง | 5 ตัน/ชั่วโมง | 24,000 ตัน/ปี |
ขั้นตอนปิดฝากระป๋อง | เครื่องปิดฝากระป๋อง | 5 เครื่อง | 2.5 ตัน/ชั่วโมง | 30,000 ตัน/ปี |
ดังนั้น ขั้นตอนการผลิตที่เป็นตัวกำหนดกำลังผลิตของโครงการ (Bottle Neck) คือ ขั้นตอนการฆ่าเชื้อ โดยมีรายละเอียดการคำนวณกำลังผลิตสูงสุดของเครื่องจักรที่มีอยูจริง ดังนี้
เครื่องฆ่าเชื้อ 2 เครื่อง x 5 ตัน/ชั่วโมง x 8 ชั่วโมง/วัน x 300 วัน/ปี = 24,000 ตัน/ปี
ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบว่าเครื่องจักรนั้นผลิตจริงได้ตามที่ระบุมาหรือไม่ โดยอาจจะใช้ข้อมูลจากการจับเวลาทำงานจริงของเครื่องจักร รายงานผลการผลิตประจำวัน/สัปดาห์/เดือน และกำลังผลิตของเครื่องจักร เป็นต้น
12. หากในคำขอรับการส่งเสริมฯ บริษัทแจ้งว่าจะตั้งโรงงานอยู่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ แต่เมื่อขออนุญาตเปิดดำเนินการจริง บริษัทได้ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ จะสามารถขอเปิดดำเนินการได้หรือไม่
ตอบ : ในเงื่อนไขเฉพาะโครงการของบัตรส่งเสริมฯ จะระบุเฉพาะจังหวัดที่เป็นที่ตั้งโรงงานหรือสถานประกอบการเท่านั้น ไม่ได้ระบุอำเภอที่ตั้งแต่อย่างใด ดังนั้น บริษัทจึงสามารถเปลี่ยนที่ตั้งที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันได้ โดยไม่ต้องแก้ไขเงื่อนไขในบัตรส่งเสริมฯ แต่อย่างใด
13. ในคำขอรับการส่งเสริมฯ บริษัทได้แจ้งว่าจะตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ภายหลัง บริษัทได้ไปตั้งโรงงานที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริษัทจะสามารถขอเปิดดำเนินการได้หรือไม่
ตอบ : ถือว่าปฏิบัติผิดเงื่อนไข เนื่องจากเงื่อนไขเฉพาะโครงการจะระบุนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมที่เป็นที่ตั้งโรงงานด้วย ถ้าหากมีการย้ายไปอยู่ในนิคม/เขตอุตสาหกรรมอื่น ถึงแม้จะเป็นการย้ายภายในจังหวัดเดียวกัน ก็ถือว่าผิดเงื่อนไข ดังนั้น หากบริษัทจะย้ายโรงงาน จะต้องขอแก้ไขโครงการเปลี่ยนที่ตั้งสถานประกอบการก่อน ทั้งนี้ การตรวจสอบการตั้งสถานประกอบการ จะดูจากที่ตั้งที่ระบุในบัตรส่งเสริมฯ
14. หากบริษัทไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน จะสามารถใช้หลักฐานอื่นแทนได้หรือไม่
ตอบ : บางประเภทกิจการไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม สามารถใช้หลักฐานอื่นๆ แทนได้ เช่น กิจการขยายพันธุ์สัตว์หรือเลี้ยงสัตว์ สามารถใช้ใบรับรองมาตรฐานฟาร์มจากกรมปศุสัตว์แทนได้ กิจการโรงแรมให้ใช้ใบอนุญาตเปิดกิจการโรงแรมจากกระทรวงมหาดไทย กิจการขนส่งทางเรือให้ใช้ใบอนุญาตใช้เรือ ใบสำคัญรับรองการตรวจเรือจากกรมเจ้าท่า เป็นต้น
15. กิจการประมงน้ำลึก หรือกิจการขนส่งทางเรือ ที่มีเรือเป็นยานพาหนะ ไม่มีสถานประกอบการที่แน่นแน บางครั้งเรือจะต้องใช้เดินทางไปต่างประเทศ เมื่อครบกำหนดเปิดดำเนินการ ไม่มีเรือให้ตรวจ จะต้องดำเนินการอย่างไร
ตอบ : ให้ยื่นคำขออนุญาตเปิดดำเนินการตามปกติ จากนั้นบีโอไอจะทำการตรวจสอบข้อมูลด้านเอกสารเกี่ยวกับเครื่องจักร ทุนจดทะเบียน สัดส่วนการถือหุ้น ชนิดผลิตภัณฑ์หรือบริการ ขั้นตอนการบริการ ขนาดการลงทุนขั้นต่ำ และเงื่อนไขวันเปิดดำเนินการ หากถูกต้อง บีโอไอจะออกใบอนุญาตเปิดดำเนินการให้ก่อน แล้วจะทำการตรวจสอบภายหลังเมื่อเรือนั้นอยู่ในประเทศ
16. วันเปิดดำเนินการ จะกำหนดวันใด
ตอบ : มี 2 กรณี ได้แก่
ตัวอย่าง หากบริษัทครบกำหนดเปิดดำเนินการวันที่ 1 ตุลาคม 2555 แต่บริษัทยื่นเปิดดำเนินการในวันที่ 15 กันยายน 2555 และบีโอไอลงรับในวันนั้น ในกรณีนี้วันเปิดดำเนินการก็คือวันที่ 15 กันยายน 2555
แต่หากบริษัทครบกำหนดเปิดดำเนินการวันที่ 1 ตุลาคม 2555 แต่บริษัทยื่นขอเปิดดำเนินการล่าช้าในวันที่ 1 ธันวาคม 2555 กรณีนี้ วันเปิดดำเนินการจะเป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2555
pageview 35,538
Total Pageviews 5,059,360 since January 2014